นิทานอีสปเรื่องม้ากับลา
ในฤดูร้อนที่ร้อนอบอ้าวมากของวันหนึ่ง พ่อค้าคนหนึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องนำของ ไปขายในที่ต่างเมือง เขาคิดจะถนอมม้าเอาไว้ใช้เมื่อถึงแต่คราวที่มีความจำเป็น เท่านั้น จึงเอาสินค้าทั้งหมดใส่ไว้บนหลังลา ส่วนม้านั้นเขากลับปล่อยให้เดินตัว เปล่าไม่ได้บรรทุกของอะไร ลาเมื่อถูกบรรทุกของหนัก ๆ และตอนนั้นก็กำลังเจ็บอยู่ด้วย มันจึงพูดอย่างน่าสงสารกับม้าว่า " ท่านม้า ๆ ข้ามีอะไรจะขอร้องให้ท่านช่วยสักอย่าง หนึ่งได้ไหม ? " ม้าเมื่อได้ฟังดังนั้นก็หันมามองแล้วทำท่าฟังอย่างไม่ค่อยที่จะเต็มใจสัก เท่าไหร่นัก แต่ลาก็พูดต่อไปว่า" ข้าไม่สบาย และกำลังเจ็บอยู่ ช่วยแบ่งของไปจากหลังข้าบ้างเถิด ข้าไปไม่ไหวแล้ว ถ้าท่านช่วยแบ่งเบา ภาระอันหนักอึ้งนี้ไปได้บ้าง บางทีข้าอาจจะกลับมีแรงขึ้นมาบ้างก็อาจเป็นได้ ถ้าท่านไม่ช่วย ข้าคงจะต้องตายเป็นแน่ แท้" แต่ม้ากลับตอบกลับมาอย่างโมโหว่า "ช่างเป็นเรื่องที่บ้าบอคอแตก อะไรเช่นนี้ เจ้าพูดมาได้อย่างไร เจ้าไม่รู้หรือไงว่าขาที่สำคัญของข้านี่น่ะมีเอาไว้สำหรับวิ่งให้ เร็วแต่เพียงอย่างเดียว แล้วถ้าข้าเกิดมาช่วยเจ้าแบกของหนัก ๆ อย่างนั้น แล้วเกิดขาที่สำคัญของ ข้ามีอันต้องซ้นหรือฝกช้ำดำเขียวขึ้นมาแล้วล่ะก็ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบให้ล่ะ เจ้านี่คิดบ้า ๆ เสียจริง ๆ ทนไปอีกหน่อยเถิดเดี๋ยวอะไร ๆ มันก็ดีขึ้นมาเองแหละ อย่าบ่นไปนักเลย" ลา จึงไม่พูดอะไรต่อไปอีก อุตส่าห์เดินต่อไปในไม่ช้ามันก็หมดแรงล้มลงและขาดใจตายไป ตรงนั้น เจ้าของเมื่อเห็นดังนั้นก็แก้เอาสินค้าที่อยู่บนหลังลาทั้งหมดเอามาใส่ไว้บน หลังม้า เท่านั้นยังไม่พอยังแถมเอาศพของลาบรรทุกเพิ่มเข้าไปให้อีกด้วย ม้าจึงจำต้องเดินไปบ่นไปว่า " พุทโธ่ เอ๋ย เรานี่ชั่วเสียจริง ๆ ไม่รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ถ้าตอนนั้นจะช่วยเจ้าลามันสักครึ่ง หนึ่ง บางทีมันอาจจะไม่ต้องมาตายไปเสียอย่างนี้ เฮ้อ...แล้วเป็นไงล่ะ เดี๋ยวนี้ตอนนี้ ต้องมาบรรทุกของหนักอย่างเดียวยังไม่พอ มิหนำซ้ำยังมีศพของเจ้าลามันเพิ่มเข้าไป ให้อีก ซวยบรมไปเลยเห็นไหมล่ะ"